วันพุธที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2560

ใบงานที่3 เรื่องเครือข่ายคอมพิวเตอร์เบื้องต้น

จงตอบคำถาามต่อไปนี้
1.ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์คือ
ตอบระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรือระบบเน็ตเวิร์ก คือ กลุ่มของคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ถูกนำมาเชื่อมต่อกันเพื่อให้ผู้ใช้ในเครือข่ายสามารถติดต่อสื่อสาร แลกเปลี่ยนข้อมูล และใช้อุปกรณ์ต่างๆ ในเครือข่ายร่วมกันได้"เครือข่ายนั้นมีหลายขนาด ตั้งแต่ขนาดเล็กที่เชื่อมต่อกันด้วยคอมพิวเตอร์เพียงสองสามเครื่อง เพื่อใช้งานในบ้านหรือในบริษัทเล็กๆ ไปจนถึงเครือข่ายขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อกันทั่วโลก ส่วน Home Network หรือเครือข่ายภายในบ้าน ซึ่งเป็นระบบ LAN ( Local Area Network) เป็นระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กๆ หมายถึง การนำเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ มาเชื่อมต่อกันในบ้าน สิ่งที่เกิดตามมาก็คือประโยชน์ในการใช้คอมพิวเตอร์ด้านต่างๆ
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ คือ
2.โพรโทคอล(protocol)คือ
ตอบ โพรโทคอล (Protocol) หมายถึง กฎระเบียบที่ใช้กำหนดวิธีการติดต่อสื่อสารระหว่างอุปกรณ์คู่หนึ่ง ซึ่งอาจจะเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์สื่อสารใด ๆ ผ่านระบบเครือข่าย เนื่องจากอุปกรณ์เหล่านี้อาจใช้รหัสแทนข้อมูลแตกต่างกัน และ/หรือมีกระบวนการทำงานแตกต่างกัน จึงจำเป็นต้องมีตัวกลางหรือวิธีการที่ใช้ในการเปลี่ยนแปลงหรือทำให้ความแตก ต่างระหว่างอุปกรณ์หมดไป ซึ่งจะทำให้สามารถสื่อสารระหว่างกันได้ โพรโทคอลจึงมีหน้าที่ในการกำหนดรายละเอียดกระบวนการทำงานของตัวกลางนี้ให้ เป็นมาตรฐานเดียวกัน
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ โพรโทคอล
3.ให้นักเรียนบอกประโยชน์ของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ตอบ-เครือข่ายคอมพิวเตอร์ทำให้ผู้ใช้ สามารถใช้อุปกรณ์ รอบข้างที่ต่อพ่วงกับระบบคอมพิวเตอร์ ร่วมกันได้
-การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เป็นเครือข่าย ทั้งประเภทเครือข่าย LAN , MAN และ WAN ทำให้คอมพิวเตอร์ สามารถสื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูลระยะไกลได้
-องค์กรธุรกิจที่มีการเชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ กับระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เพื่อประโยชน์ทางธุรกิจ
4.รุปร่างเครือข่าย(Network topoiogy)มีกี่แบบ ให้นักเรียนวาดรูปพร้อมอธิบาย
ตอบ
  รูปร่างเครือข่ายคอมพิวเตอร์  ที่ใช้ในการสื่อสารมีหลายรูปแบบ แต่ละรูปแบบมีลักษณะการเชื่อมต่อแตกต่างกัน โดยบางรูปแบบ มีการเชื่อมต่อแบบจุดต่อจุด (point - to - point)   และบางรูปแบบมีลักษณะการเชื่อมต่อแบบหลายจุด (multipoint)
           คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์รับ - ส่ง ข้อมูลที่ประกอบกันเป็นเครือข่าย มีการเชื่อมโยงถึงกันในรูปแบบต่าง ๆ ตามความเหมาะสม
มี 4 แบบคือ
            เครือข่ายแบบดาว (Star Network)
            เครือข่ายแบบบัส (Bus Network)
            เครือข่ายแบบวงแหวน (Ring Network)
            เครือข่ายแบบผสม (Hybrid Network)
เครือข่ายแบบดาว (Star Network)
           เครือข่ายแบบนี้จะมีลักษณะคล้ายกับดาวกระจาย มีอุปกรณ์ฮับ (HUB) เป็นศูนย์กลางการต่อเชื่อม โดยการนำสถานีต่าง ๆ มาต่อร่วมกันกับหน่วยสลับสายกลาง เพื่อเชื่อมโยงระหว่างสถานีต่าง ๆ ที่ต้องการติดต่อกัน ข้อดีของระบบนี้คือ เมื่อสายใดหลุดหรือขาดการต่อเชื่อม จะไม่มีผลต่อระบบทั้งหมด เป็นที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบันนี้


รูปที่ 1 การเชื่อมต่อเครือข่ายแบบดาว
เครือข่ายแบบบัส (Bus Network)
            เครือข่ายแบบนี้มีโครงสร้างไม่ยุ่งยาก และไม่ต้องใช้เครื่องขยายสัญญาณ หรืออุปกรณ์สลับสาย สถานีต่าง ๆ จะเชื่อมต่อเข้าหาบัสโดยผ่านทางอุปกรณ์เชื่อมต่อที่เป็นฮาร์ดแวร์ การจัดส่งข้อมูลจึงสามารถส่งไปถึงทุกสถานีได้ ระบบนี้มีจุดอ่อนอยู่ที่ เมื่อคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่งมีปัญหากับสายเคเบิ้ล จะทำให้ระบบรวนไปทั้งระบบ และเมื่อเพิ่มคอมพิวเตอร์ในเครือข่าย จะต้องหยุดการใช้งานทั้งหมด เพื่อตัดต่อสายใหม่ แต่มีข้อดีคือ ไม่จำเป็นต้องซื้อฮับเพื่อการต่อเชื่อม


รูปที่ 2 การเชื่อมต่อเครือข่ายแบบบัส
เครือข่ายแบบวงแหวน (Ring Network)
           สถานีของเครือข่ายทุกสถานีจะทำการเชื่อมโยงเครื่องขยายสัญญาณของทุกสถานีเข้าไว้ด้วยกันเป็นวงแหวน โดยด้านหนึ่งเป็นตัวรับสัญญาณ และอีกด้านหนึ่งเป็นตัวส่งสัญญาณ การส่งข้อมูลเป็นลักษณะออกทั้งสองทาง ถ้าทางไหนถึงก่อนเครื่องคอมพิวเตอร์ก็จะรับเพ็จเก็จนั้น มีความเร็วในการ รับส่งสัญญาณได้ 16 ล้านบิตต่อวินาที ข้อมูลจะไม่ชนกันเพราะการรับส่งมีลำดับที่แน่นอน ว่ามาจากสถานีใด จะส่งไปยังสถานีปลายทางที่ใด นิยมใช้ในเครือข่ายของเครื่องคอมพิวเตอร์ IBM โดยเฉพาะระบบธนาคาร ATM และระบบทางทหาร


รูปที่ 3 การเชื่อมต่อเครือข่ายแบบวงแหวน
เครือข่ายแบบผสม (Hybrid Network)
           เป็นการเชื่อมเครือข่ายแบบดาว บัส และวงแหวนมาผสมผสานกัน เพื่อลดจุดอ่อนและเพิ่มจุดเด่นให้กับระบบเครือข่าย โดยการใช้ฮับหรือสวิตส์ เป็นอุปกรณ์ต่อเชื่อม


รูปที่ 4 การเชื่อมต่อเครือข่ายแบบผสม


























วันพุธที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2560

ใบงานที่2

ฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ ฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ หมายถึง ตัวเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องประกอบด้วยส่วนประกอบหลัก 5 ส่วน ดังนี้ 1.อุปกรณ์รับข้อมูลเข้า(Input Device) เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ในการรับข้อมูลเข้าไปสู่หน่วยประมวลผลกลาง ผู้ใช้สามารถป้อนข้อมูลคำสั่งต่างๆผ่านอุปกรณ์ เหล่านี้ เพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้ ได้แก่ 1. แป้นพิมพ์(Keyboard) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับข้อมูลที่สามารถพิมพ์หรือเคาะได้ เช่น ตัวเลข ตัวอักษร 2. เมาส์(Mouse) เป็นอุปกรณ์สำหรับรับข้อมูลจากการชี้ตำแหน่งบนจอภาพ 3. แทร็กบอล(Track Ball) เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ในการรับข้อมูล โดยการชี้และเลือกข้อมูลผ่านทางจอภาพเช่นเดียวกับเมาส์แต่ แทร็กบอลจะเลื่อนตัวชี้โดยการหมุนลูกบอลที่อยู่ด้านบน 4. จอยสติก (Joy Stick) เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่รับข้อมูลมีลักษณะเป็นคันโยกขึ้นลง ซ้ายขวา เพื่อควบคุมตำแหน่งของตัวชี้ 5. เครื่องอ่านบาร์โค๊ต (Bar Code Reader) เป็นอุปกรณ์รับข้อมูลจากรหัสของเลขฐานสองที่อยู่ในรูปของรหัสแถบ (Bar Code)ซึ่งประกอบด้วยแถบสีดำและยาว ความกว้างของแถบสีดำตัวกำหนดรหัสที่แทนค่าของตัวเลข 6. สแกนเนอร์ (Scanner) เป็นอุปกรณ์รับข้อมูล โดยการอ่านหรือสแกน(Scan) ข้อมูลที่ต้องการ เครื่องสแกนจะมีเซลล์ไวแสงที่ตรวจจับความเข้มของแสงที่สะท้อนจากข้อมูล แล้วแปลงเป็นสัญญาณดิจิตอลให้เครื่องคอมพิวเตอร์ดำเนินการต่อไป 7. เครื่องอ่านอักขระด้วยแสง (Optical Character Reader: OCR) เป็นอุปกรณ์รับข้อมูลที่เป็นอักขระจากเอกสารต่างๆ เช่น ตัวอักษรบนเช็ค ตัวอักษรบนเอกสารอื่นๆ 8. เครื่องอ่านหมึกพิมพ์แม่เหล็ก (Magcnetic Ink Character Reader: MICR) เป็นอุปกรณ์รับข้อมูลที่พัฒนาเพื่อใช้สำหรับการอ่านสัญลักษณ์ที่พิมพ์จากหมึกพิมพ์ที่ผสมกับผงเหล็กออกไซด์
9. ปากกาแสง (Light Pen) เป็นอุปกรณ์รับข้อมูลอีกชนิดหนึ่งโดนการแตะปากกาแสงไปตามตำแหน่งหรือทิศทางที่ต้องการ มักใช้ในงานออกแบบ 10. จอสัมผัส (Touch Screens) เป็นอุปกรณ์สามารถทำงานได้ทั้งการรับและการแสดงผลการรับข้อมูลจะใช้นิ้วสัมผัสที่หน้าจอ เพื่อเลือกเมนู เช่น หน้าจอของเครื่อง ATM 11. กล้องถ่ายภาพดิจิตอล (Digital Camera) เป็นอุปกรณ์รับข้อมูลโดยการถ่ายภาพ ข้อมูลที่ได้จะถูกเปลี่ยนเป็นสัญญาณดิจิตอลแล้วเก็บข้อมูลดิจิตอลนั้นไว้ในอุปกรณ์ CCD (Charge Coupled Device) แล้วส่งข้อมูลไปประมวลผลในคอมพิวเตอร์ 12. ไมโครโฟน (Microphone) เป็นอุปกรณ์รับข้อมูลจากเสียงพูดโดยตรง เสียงที่ได้จะถูกแปลงสัญญาณเป็นสัญญาณดิจิตอล เพื่อให้คอมพิวเตอร์ประมวลผลได้ 2.อุปกรณ์แสดงผลมีหน้าที่อะไรและมีอุปกรณ์อะไรบ้าง อุปกรณ์แสดงผล เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่รับผลจากการประมวลผลที่เก็บไว้ในหน่วยความจำหลัก ออกแสดงตามลักษณะของอุปกรณ์ ซึ่งมีอยู่ไม่กี่ประเภทที่นิยมใช้ คือ 1. จอภาพ (Monitor) เป็นอุปกรณ์แสดงผลที่สามารถติดต่อกับผู้ใช้คอมพิวเตอร์ได้ทันทีที่มีการประมวลผลเกิดขึ้น 2. เครื่องพิมพ์ (Printer) เป็นอุปกรณ์แสดงผลออกทางกระดาษ สามารถแบ่งเครื่องพิมพ์ตามวิธีการพิมพ์ได้ 2 ประเภท คือ 1. เครื่องพิมพ์ประเภทกระทบ 2. เครื่องพิมพ์ชนิดไม่กระทบ 3. เครื่องวาดรูปพลอตเตอร์ เป็นอุปกรณ์แสดงผลลัพธ์ โดยการสร้างรูปภาพแบบทางวิศวกรรม ทางสถาปัตยกรรม ซึ่งเป็นภาพขนาดใหญ่ มีรายละเอียดเช่นเดียวกับระบบเคด หรือพิมพ์เขียว 4. เครื่องแสดงผลลัพธ์ด้วยเสียง ลำโพง เป็นอุปกรณ์ที่แสดงผลลัพธ์ด้วยเสียง ที่เกิดจากการ์ดเสียง หน้าที่หลักคือ เมื่อการ์ดเสียงเปลี่ยนสัญญาณเสียงดิจิตอลให้เป็นกระแสไฟฟ้า ผ่านมายังลำโพงทำให้เกิดการเคลื่อนที่ของแม่เหล็กและเกิดการสั่นสะเทือนของลำโพง มีผลทำให้เกิดเสียงในระดับต่างๆ

3.หน่วยประมวลผลกลาง หน่วยประมวลผลกลาง (CPU หรือ Central Processing Unit) หน่วยควบคุม (Control Unit: CU) ทำหน้าที่ในการควบคุมและสั่งการให้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ต่างๆทำงานตามที่ผู้ใช้ต้องการ ทั้งการรับข้อมูล การแสดงผลข้อมูล เป็นต้น หน่วยตรรกะ (Arithmetic Logic Unit: ALU) ทำหน้าที่ในการคำนวณ เปรียบเทียบข้อมูลต่างๆ โดยที่จะทำงานประสานกับหน่วยความจำหลัก (ซึ่งจะกล่าวในลำดับถัดไป) สำหรับการทำงานของอุปกรณ์ประมวลผลข้อมูลจะมีจังหวะสัญญาณนาฬิกาของเครื่องเป็นตัวควบคุมการทำงาน โดยพิจารณาการทำงานว่าสามารถทำงานได้กี่ครั้งต่อรอบของเวลา จะใช้หน่วยของ เฮิร์ตซ (Hertz) ซึ่งเทียบว่าทำงานได้กี่งานต่อหนึ่งวินาที ซีพียู (CPU) คือ อุปกรณ์ตัวหนึ่งที่มีความสำคัญและจำเป็นในการทำงานของคอมพิวเตอร์ซึ่งอาจจะเรียกว่าเป็นหัวใจของคอมพิวเตอร์เลยก็ได้ ซีพียู เป็นตัวควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ 4.หน่วยความจำหลัก (Main Memory Unit) เป็นหน่วยเก็บข้อมูลที่มีความเร็วในการเข้าถึง ข้อมูลสูงและจำเป็นต้องมีในเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง เพราะเป็นองค์ประกอบที่ทำให้เครื่อง คอมพิวเตอร์ทำงานได้ พรอม (Programmable ROM : PROM) เป็นหน่วยความจำรอมชนิดที่ผู้ใช้สามารถเขียน โปรแกรมหรือคำสั่งแล้วบันทึกเอาไว้อย่างถาวร โดยอาศัยเครื่องมือเฉพาะ แต่คำสั่งที่บันทึกนั้นไม่ สามารถแก้ไขได้อีก อีพรอม (Erasable PROM : EPROM) เป็นหน่วยความจำรอมชนิดที่สามารถเขียน โปรแกรมหรือคำสั่ง บันทึก ลบ และแก้ไขข้อมูลได้ด้วยการฉายแสงอัลตราไวโอเลตลงบนผิวซิลิคอน อีอีพรอม (Electrically Erasable PROM : EEPROM) เป็นหน่วยความจำรอมชนิดที่ใช้ กระแสไฟฟ้าเขียนโปรแกรมหรือคำสั่งลงไปได้ง่ายกว่าอีพรอม มีโปรแกรมเป็นตัวควบคุมและไม่ต้องใช้แสงอัลตราไวโอเลต นอกจากนี้การเขียนและลบข้อมูลบนอีอีพรอมจะใช้เวลามากกว่าแรมหลายเท่าจึงเหมาะสมสำหรับงานที่ไม่ต้องแก้ไขข้อมูลบ่อยนัก และความเร็วของอีอีพรอมใกล้เคียงกับแรมมากจึงถูกใช้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ตามห้างสรรพสินค้าที่เก็บรายละเอียดของสินค้า ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าได้ตลอดเวลา รวมถึงข้อมูลที่อยู่ในอีอีพรอมจะยังคงอยู่แม้ปิดเครื่องคอมพิวเตอร์แล้ว 5.หน่วยเก็บข้อมูลสำรอง (Secondary Storage Device) หน่วยเก็บข้อมูลสำรอง (Secondary Storage Device)เนื่องจากหน่วยความจำหลักมีพื้นที่ไม่เพียงพอในการเก็บข้อมูลจำนวนมากๆ อีกทั้งข้อมูลจะหายไปเมื่อปิดเครื่อง ดังนั้นจำเป็นต้องหาอุปกรณ์เก็บข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เช่น ฮาร์ดดิสก์ (Hard Disk) เป็นฮาร์ดแวร์ที่ทำหน้าที่เก็บข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์ ทั้งโปรแกรมใช้งานต่างๆ ไฟล์เอกสาร รวมทั้งเป็นที่เก็บระบบปฏิบัติการที่เป็นโปรแกรมควบคุมการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วย ซีดี (Compact Disk – CD) เป็นอุปกรณ์บันทึกข้อมูลแบบดิจิทัล เป็นสื่อที่มีขนาดความจุสูง เหมาะสำหรับบันทึกข้อมูลแบบมัลติมีเดีย ซีดีรอมทำมาจากแผ่นพลาสติกกลมบางที่เคลือบด้วยสารโพลี ฟล็อบปี้ดิสก์ (Floppy Disk) เป็นอุปกรณ์บันทึกข้อมูลที่มีขนาด 3.5 นิ้ว มีลักษณะเป็นแผ่นกลมบางทำจากไมลาร์ (Mylar) สามารถบรรจุข้อมูลได้เพียง 1.44 เมกะไบต์ เท่านั้นนี้

วันอังคารที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ใบงานที่1 เรื่องความรุ้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

1.ให้ผูเรียนสรุปพัฒนาการของคอมพิวเตอร์จากอดีตจนถึงปัจจุบัน
ยุคที่1 ยุคหลดสุญญากาส ค.ศ. 1951 - 1958 ตัวเครื่องใหญ่ใช้ไฟสูง
ยุคที่2 ยุคทรานซิสเตอร์ มีขนาดเล็กกว่ายุคที่1 ความจำสูง
ยุคที่3 ยุควงจรรวม มีขนาดเล็กบางเร็ว น่าเชื่อถือ
ยุคที่4 ยุควีแอลเอสไอ อิเล็กทรอนิกส์พลายพันไว้บนแผงเดียวในซิป 
ยุคที่5 ยุคเครือข่าย

2.ให้จับคู่ข้อความต่อไปนี้โดยการนำอักษรทางด้านขวามือ มาเติมหน้าข้อความทางด้านซ้ายมือ 
1.เครื่องคำนวณเครื่องแรกของโลก= ค.ลูกคิด 
2.เครื่องคำนวณที่ใช้คำนวณตำแหน่งดวงดาวในอดีต=ข.ไม้บรรทัด 
3.เครื่องคำนวณตำแหน่งในการเดินเรือ=จ.เฟือง
4.เครื่องคำนวณที่มีความสามารถในการบวกลบ=ง.เบลส เบสตาล
5.เครื่องคำนวณที่มีความสามารถในการคูณหาร=ฎ.กอดฟริด ฟอนไลบ์นิช
6.เครื่องทอผ้าอัตโนมัติ=ซ.บัตรเจาะรุ 
7.เครื่องมือที่มีหน่วยความจำและหน่วยคำนวณแต่ไม่สามารถใช้งานได้= ดิฟเฟอร์เรนท์แอนจิน
8.บริษัทที่มีบทบาทในการผลิตคอมผิวเตอร์รุ่นแรกๆ=ไอบีเอ็ม
9.บริษัทคอมพิวติง เทบบูลาติง เรคคอสติง= ฮอลเลอริช
10.เครื่องมารืควัน=หลอดสูญญากาศ

วันพุธที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

แนะนำตัว
นางสาวชาลิสา  ศรีแก้ว
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6